มาหลงญี่ปุ่นกันดีกว่า (หลงญี่ปุ่นตุลา 57)
» » » » มาหลงญี่ปุ่นกันดีกว่า (หลงญี่ปุ่นตุลา 57)

มาหลงญี่ปุ่นกันดีกว่า (หลงญี่ปุ่นตุลา 57)

posted in: Colourful Scenery | 0

เดือนตุลาคมอีกแล้ว เด็ก ๆ ปิดเทอมเรียบร้อย เทศกาลท่องเที่ยวของครอบครัวมาถึงอีกครา ตามปกติบ้านเราจะวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเป็นปีตามวันหยุดของลูกและวันลาพักร้อนของคุณพ่อ คือในปฏิทินจะมีการลงรายการไว้เรียบร้อยตั้งแต่ต้นปีว่าเดือนไหนไปเที่ยวที่ไหน ส่วนคุณแม่เที่ยวได้ทุกเมื่อ แค่หนีบเอา Notebook ไปด้วยทุกครั้ง รู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยการตรวจงานแปลก่อนนอนของเราสามารถเป็นค่าที่พักคืนนั้น ๆ ได้นะ

การจองที่พักล่วงหน้าทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้มาก เที่ยวกันเองสองคนกับเที่ยวพร้อมลูกนั้นต่างกันอย่างมาก ทริปมัลดีฟส์ปีที่แล้ว คุณพ่อใช้เวลาสองปีตามดูแนวโน้มช่วงเวลาโปรโมชั่นดีที่สุดในแต่ละปีสำหรับราคาตั๋วเครื่องบินและโรงแรมเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ของถูกและดี (มีอยู่จริง)

แต่ปีนี้ อะไร ๆ ก็แปลกไปหมด เพราะสถานการณ์ไม่แน่นอนของคุณพ่อตอนต้นปีว่าจะต้องย้ายถิ่นที่อยู่กันทั้งบ้านหรือเปล่า แล้วต้องย้ายไปไหน เมื่อไหร่ เลยไม่กล้าจองอะไรล่วงหน้ากันเลย แค่ลุ้นเรื่องงานคุณพ่อก็เหนื่อยจะแย่แล้ว เราจึงต้องหาราคาที่ดีที่สุด ทริปต่อทริป

ที่จริงเราเริ่มคุยกันตั้งแต่ปีที่แล้วเกี่ยวกับทริปญี่ปุ่น แต่ยังไม่ได้วางแผนจริงจังเพราะยังไม่รู้อนาคต พอแน่ใจว่าคุณพ่อยังได้ทำงานอยู่เมืองไทยต่อถึงเดือนตุลาคมแน่ ๆ เราก็รื้อแผนนี้มาคุยกันอีกครั้ง เดิมทีเราถกกันอยู่สักระยะว่าญี่ปุ่นหรือนิวซีแลนด์ แต่ระยะหลังมานี้ ดูเหมือนลูก ๆ จะสนใจโดราเอมอน โคนันและนินจามากเป็นพิเศษ จนรู้จักสถานที่สำคัญต่าง ๆ หลายแห่งในประเทศญี่ปุ่นจากการ์ตูนที่ดู ทำเอาคุณพ่อคุณแม่อึ้งไปเหมือนกัน ความอยากนั่ง Camper Van เริ่มถูกบดบัง (ก่อนหน้านี้ลูกเปรยบ่อยมากว่าอยากนั่งรถบ้าน) ถึงคุณพ่อจะชอบนิวซีแลนด์มาก แต่ก็ไม่มากไปกว่าความอยากเอาใจลูก สุดท้ายจึงมาจบที่ญี่ปุ่นนี่เอง

แผนเดิม

เนื่องจากคุณพ่อเคยประกาศกร้าวว่าไม่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะไม่ชอบเที่ยววัด คุณแม่บอกไม่มีปัญหา เราถนอมน้ำใจคุณพ่อโดยการไป Hokkaido เที่ยวธรรมชาติแบบที่คุณพ่อชอบก็ได้ ไม่ต้องเข้าวัด ตกลงเรามาขับรถเที่ยว Hokkaido 14 วันกันดีกว่านะ

เปลี่ยนแผน

ระหว่างที่ติดต่อการบินไทยเพื่อจองตั๋วแลกไมล์ ก็มีอันต้องเปลี่ยนแผน ถึงจะโทรไปจองตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนสำหรับการเดินทางกลางเดือนตุลาคม เรายังต้องเข้าคิวรอกันยาวนานเลยเพราะที่นั่งแลกไมล์มีน้อย จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางเพื่อให้ได้ที่นั่ง สรุปคือถ้าจะให้ได้ที่นั่งจากการแลกไมล์ เราต้องบินไป Hokkaido และกลับจาก Tokyo โดยเหลือวันเที่ยว 12 วัน คุณพ่อบอกว่าคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันเพราะขับรถเที่ยวแต่ Hokkaido ก็กลัวลูกจะเบื่อ พาลูกมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ Tokyo ดีกว่า

กลับตาลปัตร

เนื่องจากคุณพ่อยกหน้าที่วางแผน ทำตารางเดินทางทั้งหมดให้คุณแม่ (ตอนนี้คงรู้แล้วว่าคิดผิด ซึ่งก็สายไปเสียแล้ว) คุณแม่เริ่มใส่โน่นใส่นี่เพิ่มเติมเพราะคุณแม่อยากไปหมู่บ้านมรดกโลก Shirakawa-go อยากไป Nikko และ Kyoto ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าอยู่ Hokkaido แค่ 4 คืน ส่วน 8 คืนที่เหลือตะลอนกันเป็นว่าเล่น จนน้องที่อยู่ญี่ปุ่นแซวว่าพี่กะเที่ยวทั่วประเทศภายในเวลา 12 วันหรือคะ (แอบอายเล็กน้อยแต่พองาม เห็นตารางตัวเองแล้วเหนื่อยล่วงหน้าไปก่อนเลย)

เปลี่ยนแผนได้อีก

ตลอดเวลา 5 เดือนที่คุณแม่ทำตารางเดินทาง แบบทำ ๆ หยุด ๆ เพราะงานแปลเยอะมาก จนตั้งใจว่าต้องมีสักสัปดาห์นึงที่เราจะไม่รับงานแปล จะได้มีเวลาทำตารางเดินทางจริงจัง สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เพราะสมองมันคิดตลอดว่า 12 วันที่ไปเที่ยวก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ยังจะต้องมาหยุดทำล่วงหน้าเพื่อการนี้อีกหรือ คิดแล้วตัดใจไม่ได้ สรุปแล้วเพิ่งหยุดรับงานที่ต้องส่งช่วง 2 วันก่อนวันเดินทางเอง (ฉิวเฉียดอย่างมาก) แถมกลับมาก็มีงานมาจ่อรอไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย (จะมีแรงกลับมาทำมั้ย) นี่คือครั้งแรกที่ไปเที่ยวแบบไม่ทำงานจริง ๆ (มันเป็นไปได้)

ณ ตอนนี้ เหลือเวลา 3 วันก่อนการเดินทาง คุณแม่ทำตารางเดินทางเสร็จเรียบร้อยทั้งหมด 77 หน้า (ย้ำ 77 หน้า พิมพ์ถูก อ่านไม่ผิด) มันคือคัมภีร์หนา ๆ สำหรับครอบครัวที่มีกัน 4 คน คุณพ่อ คุณแม่ และลูกชายสองคน ไปญี่ปุ่นครั้งแรก ไม่ไปกับทัวร์ พูดภาษาญี่ปุ่นไม่เป็น หาข้อมูลจากบล็อกต่าง ๆ และหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่น เราจะเดินทางกันอุตลุดแบบนี้

Hokkaido – Tokyo – Tochigi – Yamanashi – Kyoto – Tottori

  • Hokkaido (Noboribetsu – Lake Toya – Otaru – Asahiyama – Biei – Furano)
  • Tokyo (Miraikan Museum – Lego Land – Gundum Front Tokyo – Fujiko F Fujio Museum (Doraemon))
  • Tochigi (Edo Wonderland – Toshogu Shrine)
  • Yamanashi (Fuji 5 Lakes: Kawaguchiko – Saiko – Yamanakako)
  • Kyoto (East Kyoto – Arashiyama)
  • Tottori (Conan Village – Pear Museum – Sand Dunes – Sand Museum – Uradome – Warabekan Museum of Toys)

ลองกลับไปดูหัวข้อ แผนเดิม เปลี่ยนแผน และกลับตาลปัตรดูได้นะ แล้วจะรู้ว่าเรามากันไกลเลยเชียว (จริง ๆ)

จองที่พักและรถเช่า

Hokkaido, Fuji และ Tottori นอนเรียวกัง เพราะวิวดี ริมทะเลสาบ ริมลำธาร จองรถเช่าทั้งสามที่เพราะดูตารางรถบัสและรถไฟแล้วคนละจังหวะกับครอบครัวเราเลย ส่วนที่ Tokyo และ Kyoto นอนโรงแรมเล็ก ๆ ติดสถานีรถไฟเพื่อการเดินทางแสนสะดวกด้วย JR PASS (ไม่นับที่จะต้องหลงกันนะ เพราะขึ้นชื่อว่าหลง ก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ จริงมั้ย) แอบมีนอนเกสต์เฮาส์ห้องน้ำรวมด้วยหนึ่งคืน จัดไปให้ครบทุกแบบ ยกเว้นที่พักแบบแคปซูลไม่ทันได้คิดแต่แรกแฮะ (แอบเสียดาย) ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศก็รอโปรโมชั่นของ ANA เพราะคุณพ่อบอกว่ามีราคาพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางภายในประเทศ (คุณพ่อไม่อยากเที่ยวญี่ปุ่นแต่รู้เยอะกว่าคุณแม่อีก)

คัมภีร์ 77 หน้า 

ตารางเดินทางของเราลงเวลาละเอียดยิบตั้งแต่ออกจากบ้าน มีข้อมูลทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ แผนผังที่นั่งบนเครื่องบิน แผนผังสนามบินที่ New Chitose, Haneda และ Tottori แผนที่การเดินทางแต่ละช่วง เลี้ยวขวาหรือซ้าย ขับรถกี่นาที แวะที่ไหนตอนกี่โมง กินข้าวที่ไหน ค่าเข้า เวลาเปิดปิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ แผนผังสถานีรถไฟ ขึ้นชานชาลาไหน ลงชานชาลาไหน ชื่อสถานีที่ต้องผ่าน เที่ยวรถไฟที่ต้องไป และเที่ยวรถไฟสำรองหากพลาดเที่ยวที่ต้องการ แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว เดินจากจุดไหนไปจุดไหน ที่ไหนต้องไปเช้า ที่ไหนต้องไปบ่าย เพื่อจะได้ถ่ายรูปแบบไม่ย้อนแสง ส่วนใบยืนยันการจองโรงแรมจองรถเช่า JR PASS แยกไว้อีกแฟ้มนึง เราถือคติเยอะไว้ก่อน ดีกว่าขาด พลาดไม่เป็นไร ทำดีที่สุดแล้ว (คุณพ่อพูดยิ้ม ๆ ปลอบใจคุณแม่)

เตรียมความพร้อมลูก

ข้อนี้ไม่มีอะไรมาก แค่นำเสนอสถานที่ที่ลูกชอบ บอกให้รู้ว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้าง ต้องนั่งเครื่องบินกี่ชั่วโมง เที่ยวบินไหนที่นั่งเป็นอย่างไร ใครนั่งกับใคร ใครนั่งริมหน้าต่าง (ถ้าไม่ตกลงกันก่อน เราจะมีปัญหาที่หน้างานแน่นอน เพราะมีแต่เด็กอยากนั่งกับคุณพ่อ คุณแม่แอบเสียใจ อิอิ) ขับรถเที่ยวเอง ขึ้นรถไฟ นั่งรถบัส เดิน ขี่จักรยาน และแบกเป้กันเอง ที่สำคัญคือห้ามลูกป่วยเด็ดขาด (ที่จริงแล้ว ห้ามไม่ได้ ป่วยกันแล้วทั้งคุณแม่และลูก เพิ่งจะดีขึ้นวันนี้ คุณพ่อทำท่าจะเริ่มป่วยต่อ เพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน)

ลูกขอพกสมุดบันทึกแบบไม่มีเส้นไปคนละเล่ม เผื่ออยากวาดรูปสิ่งที่ไปเห็นเหมือนตอนไปเรียนรู้โลกกว้างกับที่โรงเรียน (แหม อารมณ์ศิลปินมาก ถึงเวลาจะได้วาดกันมั้ยครับลูก)

นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะเตรียมความพร้อมให้ลูกแล้ว ลูกยังแอบเตรียมความพร้อมให้ตัวเองอีกด้วย สองคนสองสไตล์ พี่รักเตรียมแบบเงียบ ๆ โดยไปแอบซื้อหนังสือเล่มเล็ก ๆ เป็นเกร็ดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น และวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอ่าน (แต่จะมีท่าทีเฉย ๆ แบบไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้นะญี่ปุ่นเนี่ย) ส่วนน้องโรมแสดงออกว่าอยากไปมากชัดเจน อยากไปทุกอย่าง หมู่บ้านนินจา พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน พิพิธภัณฑ์โคนัน กันดั้ม สวนสนุก สวนสัตว์ ตอนเย็นกลับมาจากโรงเรียนต้องมาคุยให้ฟังว่าได้ศัพท์ภาษาญี่ปุ่นคำใหม่จาก เทรุกิ ซาโต้ เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่โรงเรียน ไป ๆ มา ๆ เห็นจำได้อยู่สองคำ คือ อาริงาโตะ กับ ซาโยนาระ (พอจะช่วยได้มั้ยครับ)

เตรียมเสื้อผ้า

ไม่รู้จะเรียกว่าง่ายหรือยาก อากาศแต่ละที่ก็ต่างกันไปแบบไม่เกรงใจกระเป๋าเดินทางเลย ตั้งแต่ 3 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 20 กว่าองศาเซลเซียส ฝนตก ฝนซู่ แดดจ้า แดดจัด เมฆมาก ไหนจะพายุ ไหนจะแผ่นดินไหว (แอบหวั่นเหมือนกันนะ) ง่ายตรงไม่ต้องคิดว่าจะเตรียมเสื้อผ้าสำหรับฤดูอะไร คือเตรียมไปทุกฤดูเลย ยากตรงจะขนไปหมดมั้ย แยกกระเป๋ายังไงดีเนี่ย

เตรียมใจ

คุณพ่อคุณแม่เตรียมความพร้อมตัวเองด้วยการให้กำลังใจกันตลอด เราต้องหลงแน่ เราเจอฝนชัวร์ ลูกงอแงแหง ๆ ต้องไม่สบายกันแน่ ๆ ต่อรถไฟไม่ทันหรอก พูดไปยิ้มไป หวังว่าเมื่อเจอแบบนี้จริง ๆ จะยังยิ้มออก เราทำใจกันแล้วว่าอาจจะเที่ยวไม่ครบที่วางแผนไว้ อากาศไม่ดี ไม่ได้รูปสวย ๆ แต่ประเด็นสำคัญคือการซึมซับสิ่งดี ๆ และการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทางด้วยกัน เพื่อสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นขึ้นของทุกคนในครอบครัว สิ่งสำคัญไม่ใช่จุดหมายปลายทางสักหน่อย (ฟังดูดีนะ จะทำให้ดีอย่างที่ตั้งใจ ฮึ้บ)

และนี่คือคติประจำครอบครัวของเรา

A journey, either short or long, is one of the warmest ways to forge the special bond between parents and children.

กฎการเดินทาง

เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราจะเที่ยวต่างเมืองต่างภาษากันเองนานที่สุดถึง 12 วัน ที่ผ่านมานานที่สุดคือ 5 วัน และไปพักอยู่ที่เดียวไม่ต้องตะลอนกันขนาดนี้ คุณแม่คิดว่าการตั้งกฎล่วงหน้าร่วมกันเป็นเรื่องสำคัญและต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ทีแรกตั้งใจว่าจะมีสัก 10 ข้อ แต่คงจะเยอะเกินเดี๋ยวจำกันไม่ได้ ตอนนี้เหลือเพียง 8 ข้อ (ยังต้องแบ่งกันจำ ข้อใครข้อมัน เพราะอ่านแล้วรู้เลยว่าข้อไหนของใคร)

  1. รักกันตลอด (ไม่ทะเลาะกัน ไม่งอนกัน) ข้อนี้ของลูกทั้งสองคนและคุณแม่
  2. ตรงต่อเวลา (ไม่โอ้เอ้) ข้อนี้ของลูกคนเล็ก
  3. กินได้ทุกอย่าง (ไม่เลือก ไม่เรื่องมาก) ข้อนี้ของลูกคนเล็กและคุณพ่อ
  4. ให้ความร่วมมือ (ช่วยเหลือกัน ยอมให้ถ่ายรูปแต่โดยดี) ข้อนี้ของลูกคนโต
  5. อารมณ์ดีเสมอ (ไม่บ่นแม้หลงทาง) ข้อนี้สำหรับคุณแม่
  6. อดทน (แบกเป้เอง เดินมาราธอน) ข้อนี้ของลูกทั้งสองคน
  7. เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ (ไม่ดื้อ ไม่ซน) ข้อนี้ของลูกทั้งสองคน (อีกแล้ว)
  8. ช็อปปิ้งแต่พอเพียง (ตรงตัวตามนั้น) ข้อนี้คุณพ่อคิดให้คุณแม่โดยเฉพาะ (ซาบซึ้ง นึกถึงเราเสมอ)

หลงมั้ย

เราตั้งใจกันไว้ว่า เมื่อกลับมา เราจะลงรูปและเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วง 12 วันนั้น โดยมีตัวละครหลักเป็นลูก ๆ อย่าเข้าใจผิดว่าจะได้อ่านคำแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแบบละเอียดนะ เพราะเราไม่ใช่เซียนในเรื่องนั้น เราแค่จะเล่าถึงสิ่งที่เราพบ เหตุการณ์ที่เราเจอ ผ่านมุมมองในแบบครอบครัวของเรา ถ้าใครอยากลองชมศิลปะการใช้ชีวิตครอบครัวในแบบของเรา เจอกันเร็ว ๆ นี้บนเว็บไซต์ครอบครัวของเราเอง (จะมาป่าวประกาศอีกทีเมื่อเว็บพร้อมนะจ๊ะ)

แล้วมาดูกันว่า เราหลง (ทาง/รัก) ญี่ปุนกันบ้างหรือเปล่า

Facebook Comments

Leave a Reply