ออกเดินทาง
เราออกเดินทางกันคืนวันที่ 15 ตุลาคม 2557 มุ่งหน้าสู่ Hokkaido พร้อมกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ (เสื้อผ้า ของใช้ส่วนกลางแ ละยาทุกขนาน) เป้ติดตัว 4 ใบ (ของใครของมันคนละใบ) กระเป๋าลาก Notebook 2 เครื่อง 1 ใบ และกระเป๋าลาก (เปล่า) 2 ใบ (เพื่ออะไรคงไม่ต้องบอก) แท็กซี่คันเดียวขนไม่หมด คุณตากับคุณยายเลยขับรถมาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดูสภาพสัมภาระเริ่มต้นตามภาพ
สนุกทุกคน
12 วัน 12 คืนผ่านไปแบบช้ามากในช่วงแรก (สองวันแรกผ่านไปเหมือนเที่ยวไปแล้วห้าวัน เหนื่อย ๆ เพลีย ๆ บอกไม่ถูก) เร็วเว่อร์ในช่วงหลัง รู้สึกตัวอีกทีเหลือเวลาสองวัน คณแม่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย (คือลืมไปแล้วว่าแอบซุกไว้ประมาณนึงแล้วจาก Hokkaido เก็บใส่กระเป๋าอย่างดี มิดชิดจนคิดว่ายังไม่ได้ช็อปน่ะ) เป็นทริปที่คุณพ่อกังวลเรื่องงานมากที่สุด (ทั้งรับโทรศัพท์ทั้งนั่งทำงานยามดึก นึกแล้วงงว่าทำได้ไง ไหนจะต้องขับรถอีก เก่งจัง) คุณแม่เหนื่อยจัดกระเป๋ามากที่สุด (แยกกระเป๋าไปแล้วก็จริง แต่ต้องมาแยกชุดใช้แล้วกับยังไม่ได้ใช้อีก ไหนจะของเพิ่มตามรายทางอีก สรุปคือจัดใหม่ทุกวันแหละ) คุณลูกหรรษาฮาเฮมากที่สุด (ง่วงก็หลับ ตื่นก็ Soft Cream คนนึงส่งเสียงมีคำถามตลอด อีกคนก็ให้ข้อมูลคุณพ่อคุณแม่ตลอด สรุปแล้วรู้เรื่องกว่าเราอีก) และรอยยิ้มของสองลิงน้อยนี่เองที่ช่วยเพิ่มพลังให้คุณพ่อคุณแม่ในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี
ขับรถเที่ยวสบายที่สุด
การขับรถเที่ยวญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดสำหรับทริปนี้ การเดินทาง 4 วัน 4 คืนที่ Hokkaido และ 1 วัน 1 คืนที่ Kawaguchiko กับ 1 วัน 1 คืนที่ Tottori จึงเป็นช่วงเวลาสบาย ๆ ของเรา ขับไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก คุณพ่อบอกว่า อยากแวะก็แวะ ไม่อยากแวะก็แวะ (เพราะคุณแม่ให้แวะ แหะแหะ) แค่มี Map Code หรือเบอร์โทรศัพท์ก็ง่ายเลย ถึงจุดหมายปลายทางหายห่วง และคัมภีร์ 77 หน้าของเราก็มีข้อมูลครบทั้งสองอย่าง ใช่ มีครบ แล้วหลงมั้ย ก็ยังหลงนะ หลงยังไงจะมาบอกอีกทีจ้า
สองเท้าคืออาวุธ
ส่วน Nikko, Tokyo และ Kyoto ต้องมีสองเท้าก้าวเดินเป็นอาวุธประจำกาย การขึ้นลงรถไฟต้องเดินทน (จากโรงแรมไปสถานี แล้วไปชานชาลาที่ต้องการ ก็ไกลนะ) ต้องวิ่งไว (เวลาเปลี่ยนขบวน 3 นาทีนี่ เรียกว่ายืนจ่อที่ประตูรถไฟขบวนแรกก่อนถึงสถานีเลย พอประตูเปิดปุ๊บ วิ่งแน่บเลย) และต้องยืนเป็นส่วนใหญ่ (ในโตเกียวนะ ไม่นับระยะทางไกล ๆ ซึ่งเป็นขบวนที่จองที่นั่งได้) เรามีทั้ง Floor Plan สถานีและวงหมายเลขชานชาลาไว้ล่วงหน้าแล้วในคัมภีร์ แต่ก็ยังไม่วายวิ่งไปจิ้มโพยให้พี่พนักงาน JR ช่วยยืนยันอีกที ขอให้ได้เห็นพี่เค้าพยักหน้าหงึก ๆ ก็พอใจแล้ว วิ่งต่อไปด้วยความมั่นใจมากขึ้น เรียกว่าทำเวลากันดีเลิศเลยเชียว
กฎการเดินทางอันศักดิ์สิทธิ์
แล้วกฎการเดินทางล่ะ อ๋อ ได้หยิบยกมาอ้างมาเตือนกันตลอดทริปเลย ตามนี้
- รักกันตลอด (ไม่ทะเลาะกัน ไม่งอนกัน) ข้อนี้ผ่านทุกคน คุณพ่อได้คะแนนท็อป คุณแม่คุณลูกมีความสุขล้นเพราะความรักของคุณพ่อที่มีให้พวกเราตลอดทั้งทริปครับผม
- ตรงต่อเวลา (ไม่โอ้เอ้) ข้อนี้เด็ก ๆ มีโอ้เอ้บ้างตอนเช้า แต่ไม่มีผลอะไรกับแผนการเดินทางเพราะคุณพ่อคุณแม่เผื่อเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าลูกจะตรงต่อเวลาเป็นพิเศษถ้าเป็นวันที่ไปเที่ยวสวนสนุก(มีบ่นว่าคุณแม่โอ้เอ้อีกต่างหาก อ่ะ ก็นางแบบคนเดียวเลย ต้องแต่งตัวนิดนึงนะ)
- กินได้ทุกอย่าง (ไม่เลือก ไม่เรื่องมาก) ข้อนี้คุณแม่กับพี่รักผ่านฉลุย อร่อยทุกสิ่ง คุณพ่อกินได้ทุกอย่างแต่ไม่ถูกปากเท่าที่ควร ส่วนน้องโรมมีปัญหาเกือบทุกมื้อ เฉพาะคำแรกนะ พอได้ลองชิมแล้ว ก็กินเยอะกว่าใคร ๆ ทุกครั้งไป
- ให้ความร่วมมือ (ช่วยเหลือกัน ยอมให้ถ่ายรูปแต่โดยดี) ข้อนี้คุณแม่กับน้องโรมได้โล่สำหรับทุกท่าโพส โพสได้ทุกที่ทุกเวลา ส่วนพี่รักให้ความร่วมมือบ้าง อยากเป็นตากล้องเหมือนคุณพ่อมากกว่า (แถมชอบทำหน้าประหลาดเวลานับถึงสาม)
- อารมณ์ดีเสมอ (ไม่บ่นแม้หลงทาง) ข้อนี้คุณแม่ว่าคุณแม่ผ่านนะ โชคดีที่คุณพ่อพาหลงวันแรกเลย คุณแม่ยังอารมณ์ดีอยู่ แถมยังมีเวลาเหลือเฟือ เพราะทำเวลามื้อกลางวันดีมาก (หิวจัด อร่อย หมดไว) ขนาดหลงแล้วยังถึงที่หมายตรงตามแผนการเดินทางเลย (คุณพ่อรอดตัวไป)
- อดทน (แบกเป้เอง เดินมาราธอน) ข้อนี้พี่รักชนะเลิศ คุณพ่อคุณแม่ทึ่งในความอึดของลูกเลย แบกของตัวเอง และยังมีช่วยแบ่งสัมภาระของน้องอีกด้วย ส่วนน้องโรมมีบ่นปวดขา ปวดไหล่อยู่เนือง ๆ แต่จะมีแรงขึ้นมาทันทีถ้าถูกทักว่า คงไปหมู่บ้านนินจา ไปดูโดราเอมอน โคนัน ไม่ไหวแล้วมั้ง น้องโรมจะบอกว่า เหมือนเริ่มจะหายปวดแล้วนะครับคุณแม่ (แหม หายไวเชียว)
- เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ (ไม่ดื้อ ไม่ซน) ข้อนี้คุณแม่ให้ลูกผ่าน เชื่อฟังคุณแม่ดี ดื้อบ้าง ซนบ้าง ตามสมควร น้อยกว่าอยู่ที่บ้านเยอะ แต่ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะให้ผ่านหรือเปล่า ก็น่าจะผ่านนะ น้องโรมไม่ดื้อไม่ซน แค่ชอบแกล้งคุณพ่อเฉยๆ อ่ะครับ
- ช็อปปิ้งแต่พอเพียง (ตรงตัวตามนั้น) ข้อนี้คุณพ่อฟันธงว่า คุณแม่สอบตก คุณแม่สวนทันควันว่า ไม่จริง พวกเราไม่ได้ไปแหล่งช็อปปิ้งกันเลย ไม่มีในคัมภีร์แม้แต่นิด คุณแม่แค่ใช้สายตาเหยี่ยวสแกนของน่าสนใจตามทางผ่าน หันมาชี้ชวนให้ลูกกิน Soft Cream แล้วให้คุณพ่อนั่งรอกับลูก คุณแม่แว้บแป๊บเดียวกลับมาทันก่อนลูกจัดการ Soft Cream หมดทุกครั้ง ว่าแต่นึกไปนึกมา เปิดดูภาพกระเป๋าขากลับ ที่ต้องซื้อเพิ่มหนึ่งใบ และอีกสามใบที่ขนไปต้องเปิดส่วนขยายจนตุ่งตุ๊งป่องเปรี๊ยะ แถมถุงหิ้วเพิ่มอีก 2 ถุง คุณแม่ยอมสอบตกก็ได้ ว่าแต่เมื่อไหร่คุณพ่อจะให้คุณแม่สอบซ่อมล่ะ บอกด้วยนะคะ คุณแม่พร้อมเสมอ อิอิ
หลงทางและหลงรักญี่ปุ่นเข้าแล้ว
กลับถึงบ้านเย็นวันที่ 28 สรุปเลยแล้วกันว่าทั้งหลงทางและหลงรักญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ถึงกับหัวปักหัวปำนะ คุณพ่อชอบ Hokkaido คุณแม่ชอบ Arashiyama คุณลูกชอบ Doraemon Wakuwaku Sky Park มีคนทักว่าไปญี่ปุ่นแล้วไม่ได้เห็นฟูจิ จะได้กลับไปอีกครั้ง แต่เราได้เห็นแล้วจากบนเครื่องบินตอนบินกลับจาก Tottori มา Tokyo นะ ครอบครัวของเราจะได้กลับไปญี่ปุ่นอีกครั้งหรือเปล่า อยู่ที่ใจของคุณพ่อแหละ เห็นคุณพ่อโพสต์ไว้ว่า “ไว้พบกันใหม่ เมื่อใจสั่งมา” ขึ้นอยู่กับว่าคำจำกัดความของคำว่า “ใจ” คืออะไร/ใคร เท่านั้นเอง แหม มันช่างลึกซึ้งนะนี่
(ป.ล. ใครรออ่านว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างการเดินทางครั้งนี้ของเรา อดใจรออีกนิดนะ คุณแม่เขียนเสร็จแล้วบนเครื่องบิน จะทยอยลงทีละสถานที่ ขอเวลาซักผ้าก่อน นี่ก็สองวันแล้วยังซักไม่หมดเลย ไหนจะงานแปล การบ้านลูก คุณพ่อก็กลับเที่ยงคืนมาสองวันแล้ว รอได้ใช่มั้ยจ๊ะ)
Leave a Reply