เดินตะลุย Odaiba (หลงญี่ปุ่นตุลา 57)

คืนสุดท้ายที่ Hokkaidoถือเป็นคืนแห่งการอำลาความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างแท้จริง วันรุ่งขึ้นเราจะเริ่มใช้ JR PASS กันที่ Tokyo

หลังจากทานมื้อเย็นแล้ว คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจไปเปลี่ยน Exchange Voucher เป็น JR PASS กันที่สถานีรถไฟชั้นใต้ดินของสนามบินเลย เพราะคิดว่าคนน่าจะน้อยกว่าที่ Tokyo คุณพ่อซื้อแบบ First class ไว้เพราะที่นั่งใหญ่กว่า พี่รักจ่ายครึ่งราคา ส่วนน้องโรมนั่งฟรี เลยต้องเผื่อที่ให้พี่รักนั่งด้วยกันกับน้องโรม พอถึงสถานีรถไฟ เรายื่นตารางเวลารถไฟทั้งเจ็ดวันให้เจ้าหน้าที่ออกตั๋วและจองที่นั่งเลย ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของตั๋วแต่ละใบไปพร้อมกับเราจนครบทุกใบเลย น่ารักที่สุด

เช้าวันรุ่งขึ้น เรานั่งเครื่องบินสายการบิน ANA จาก New Chitose Airport ไปลง Haneda Airport คุณพ่อได้ตั๋วโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวราคาไม่แพง จะเที่ยวให้คุ้มค่าก็ต้องค้นคว้าและติดตามข้อมูลพอสมควร วางแผนการเดินทางแต่ละครั้งต้องอาศัยความรอบรู้ อดทน แก้ปัญหา และทำงานร่วมกันอย่างรอบคอบใจเย็น มาหายเหนื่อยก็ตอนเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกนี่แหละ

พอถึง Haneda Airport เรานั่งรถแทกซี่จากสนามบินไปโรงแรม Shinagawa Prince Hotel เป็นโรงแรมที่น้องสาวที่มีครอบครัวอยู่ที่ญี่ปุ่นแนะนำ น้องบอกว่าทำเลดี อยู่ตรงสถานีรถไฟ Shinagawa Station พอดี ไม่พลุกพล่านมากเท่าสถานีอื่น ๆ และมี Shinkansen ผ่าน สะดวกสำหรับการต่อรถไฟไปที่ต่าง ๆ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ชอบโรงแรมนี้มาก สะดวกสบายทุกอย่าง มีร้านอาหาร มีเซเว่นอีเลเว่น เพราะที่ Tokyo เราต้องฝากท้องไว้กับเซเว่นทุกเช้า เดินข้ามถนนก็ถึงสถานีรถไฟเลย เราพักที่นี่สองคืน แล้วไปนอน Kawaguchiko หนึ่งคืน จากนั้นถึงไปนอน Kyoto สองคืน และ Tottori หนึ่งคืน ก่อนจะกลับมานอนที่นี่อีกหนึ่งคืนเพื่อเตรียมตัวบินกลับกรุงเทพฯ และนี่คือเหตุผลที่เรานั่งแทกซี่จากสนามบินไปโรงแรม เราจะฝากกระเป๋าทั้งหมดที่เราไม่ใช้ไว้ที่โรงแรมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าฝากกระเป๋านั่นเอง

ห้องพักของเราอยู่ตึก Annex Tower ห้องกว้างขวางเลยทีเดียว ถึงโรงแรมเก็บของปุ๊บก็ลงมาหามื้อกลางวันทานข้างล่างเลย วันแรกที่ Tokyo คุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ ตะลุย Odaiba กัน วันของเด็ก ๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

นั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด คุณแม่ไม่แน่ใจว่าไม่ยากจริง ๆ หรือไม่ยากเพราะคุณแม่เตรียมการแบบเว่อร์สุดไว้แล้ว พิมพ์ออกมาทั้งเที่ยวรถไฟและแผนผังสถานี รวมถึงวงกลมหมายเลขชานชาลาที่ถึงและชานชาลาต่อไปที่ต้องขึ้นรถไฟไว้เรียบร้อยบนแผนผัง ตารางเดินทางถึงยาวเหยียดเพราะความกลัวหลงนี่เอง

จาก Shinagawa Station ไปลงที่ Shimbashi Station แล้วเปลี่ยนสายรถไฟเป็น Yurikamome Line ซึ่งเราต้องซื้อตั๋วรถไฟเองเพราะไม่รวมอยู่ใน JR PASS เด็ก ๆ ไปช่วยคุณพ่อซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วกันใหญ่ ไม่รู้ได้ช่วยจริงมั้ย สุดท้ายก็มาถึงจนได้ เราลงที่ Telecom Center Station แล้วเดินไป Miraikan (National Museum of Emerging Science and Innovation) กัน เป้าหมายหนึ่งดียวของที่นี่ก็คือ การแสดงหุ่นยนต์ ASIMO ตอนบ่ายสอง พิพิธภัณฑ์ที่นี่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็ก ๆ มาก ใครพาลูกชายมาเที่ยว Tokyo ไม่ควรพลาดย่าน Odaiba จริง ๆ

จาก Miraikan เด็ก ๆ เดินกันอย่างขยันขันแข็ง (ส่วนคุณพ่อคุณแม่ขาแข็ง) เพื่อไปต่อกันที่ LEGOLAND ซึ่งมีฐานใหทำกิจกรรมหลายฐานพอสมควร แต่เราอยู่กันนานเลยที่โซนร้านอาหาร คงเพราะใช้พลังงานกันไปเยอะโดยไม่รู้ตัวแน่ ๆ เสร็จจากที่นี่ต้องรีบเดิน (ขาลาก) ทำเวลาไปดูการแสดงแสงสีเสียง Gundam ให้ทันห้าโมงเย็น พี่รักน้องโรมแค่ได้เห็น Gundam ขยับหัวขึ้นลง ปล่อยควัน ก็ตื่นเต้นแล้ว แต่น้องโรมยังมีถามว่าเค้าจะโชว์บินเลยมั้ยครับคุณพ่อ (ความคาดหวังสูงนะนี่) ถึงจะไม่มีโชว์บินแต่ก็ได้เข้าไปถ่ายรูปบน Cockpit หรือที่ขับยานของหุ่น Gundam ด้วยนะครับ ออกจาก Gundam Front Tokyo ก็ถึงเวลาหิวกันอีกแล้ว เย็นนี้ง่าย ๆ ทานกันที่ศูนย์อาหารชั้นล่างของ Diver City Tokyo Plaza เลย พี่รักจัดการทาโกะยากิไปคนเดียวสองถาดสบาย ๆ

อิ่มท้องแล้วลากขาเดินกันต่อเพื่อถ่ายภาพ Rainbow Bridge ก่อนนั่งรถไฟกลับไปนอนพักขาเอาแรง กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบสองทุ่ม ซื้อมื้อเช้าตุนไว้จากเซเว่นใต้โรงแรม พรุ่งนี้เดินทางไกลไป Nikko กัน เด็ก ๆ จะได้นั่ง Shinkansen เป็นครั้งแรก ถามมาตลอดทริปว่าเราจะได้นั่ง Shinkansen วันไหน นับวันรอกันเลยทีเดียว

สรุปวันนี้ที่ Odaiba เดินมาราธอนตั้งแต่บ่ายโมงถึงสองทุ่ม มีได้พักบ้างประปราย พี่รักน้องโรมไม่บ่น ไม่เหนื่อย ไม่อู้ แม้แต่น้อย คุณพ่อคุณแม่เมื่อยมาก จำได้ถึงตอนนี้ เพราะเมื่อยขึ้นก้นกันเลย เด็กอึดว่าที่ผู้ใหญ่คิดนะจะบอกให้