เราถึงบ้านหลวงราชไมตรีเกือบห้าโมงเย็น รีบเก็บของเข้าห้อง พักร่างกันนิดหน่อย ระหว่างที่รอคุณพ่อเก็บภาพ คุณแม่กับลูกชายคนเล็กจัดการน้ำมะปี๊ดกับขนมไข่จนหมด แล้วคุณแม่ก็ชวนทุกคนเดินไปโบสถ์โรมันคาทอลิกกัน (แต่ตอนลูกถามว่าไปไหน คุณแม่บอกว่าไปหาข้าวกินครับ)
ออกจากที่พัก เดินมาทางซ้ายเรื่อย ๆ ผ่านร้านค้ามากมาย มีทั้งที่สภาพเดิม ๆ กับที่ตกแต่งใหม่น่ารัก และจุดน่าถ่ายรูปต่าง ๆ รวมถึงกำแพงที่เป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาด้วย น่าเสียดายที่เรามาถึงกันเย็นมาก บ้านเลขที่ 69 ซึ่งเป็นบ้านเรียนรู้ชุมชนจึงปิดทำการแล้ว จากที่พัก เดินมาสุดทางชุมชนริมน้ำจันทบูรระยะทางประมาณ 600 เมตร ข้ามสะพานนิรมลไปถ่ายรูป (ดาราหน้ากล้องมีแค่สองคนคือคุณแม่กับลูกชายคนเล็ก) ที่ลานหน้าโบสถ์ (โบสถ์ก็ปิดแล้วเช่นกัน) คุณแม่ยังสบาย ๆ แต่หันไปมองคุณพ่อเห็นผมเปียกและเหงื่อออกเต็มที่เลย ส่วนลูกชายคนโตหน้าตาดูไม่ได้ เซ็งสุด ๆ แถมบ่นว่าเมื่อไหร่จะถึงร้านกินข้าว คุณแม่ตอบหน้าตาเฉยว่า ต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิม ร้านอยู่ใกล้กับที่พักครับ (ลูกเบะปากแล้วบ่นสั้น ๆ เสียงดังฟังชัดว่า “คุณแม่”)
ว่าแล้วก็พาลูกเดินกลับมากินข้าวที่ร้านจันทรโภชนา ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไม่ถึง 200 เมตร สั่งปลากระบอกทอดกระเทียม (ได้มา 4 ตัว) หมูทอดกระเทียม (คนเล็กสั่ง) และแกงเลียงกุ้งสด (มาเป็นหม้อไฟกันเลยทีเดียว) กินกันสี่คนพ่อแม่ลูก อิ่มมาก และอร่อยมาก แต่กินไม่หมด เหลือหมูทอดกระเทียมกับแกงเลียงนิดหน่อย ตลอดเวลาที่กินข้าว ลูกชายคนโตหน้าไม่รับแขกมาก คุณพ่อกู้สถานการณ์ด้วยการหลอกล่อให้ลูกหัวเราะด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา จนเป็นผลสำเร็จ (คุณพ่อเก่งสุด ๆ คุณแม่กับลูกคนเล็กพลอยหัวเราะตามไปด้วย) ตบท้ายด้วยสละลอยแก้วคนละถ้วย (ยกเว้นคุณแม่) ค่าอาหารมื้อนี้ 500 บาท (รวมข้าวหนึ่งโถ น้ำแข็งหนึ่งกระติกกับน้ำเปล่าอีก 2 ขวด)
คืนแรกผ่านไปด้วยการแยกห้องนอนระหว่างคู่ลูกชายกับคู่คุณพ่อคุณแม่ กว่าจะได้นอนจริง ลูกชายคนเล็กเทียวเดินมาคุยกับคุณพ่อหลายครั้ง ส่วนคุณพ่อก็เดินไปส่องที่หน้าห้องลูกอีกนับครั้งไม่ถ้วน จนครั้งสุดท้ายเห็นว่าลูกหลับแน่แล้ว จึงเข้าห้องปิดไฟนอนได้อย่างสบายใจ
วันที่สองเราไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี บริจาคตุ๊กตาให้ผู้ป่วยเด็กที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า เจ้าถิ่นพากินปูมื้อกลางวัน ต่อด้วยนั่งเพลิน ๆ ที่ร้านกาแฟ ตกเย็นไปเดินเล่นที่อ่าวคุ้งกระเบน (ทั้งหมดนี้ขอแยกไปเล่าต่างหากครั้งต่อไปนะคะ) แวะซื้อทุเรียน แล้วกลับที่พัก
เหตุเพราะมีทุเรียนติดรถกลับมาด้วย แต่เอาเข้าที่พักไม่ได้ คุณแม่จึงชวนสมาชิกเดินเที่ยวริมน้ำอีกครั้ง (หาที่นั่งกินทุเรียนให้คุณพ่อกับลูกชายคนเล็ก) เมื่อวานเดินไปทางซ้าย วันนี้เลือกเดินมาทางขวา ผ่านร้านไอศกรีมตราจรวด คุณแม่สั่งไอศกรีมใส่ขนมปัง คุณพ่อสั่งไอศกรีมใส่โคน ลูกชายคนเล็กไม่สั่งเพราะรอกินแต่ทุเรียน ลูกชายคนโตไม่สั่งเพราะอารมณ์ไม่ดีไม่ชอบเดิน
จากนั้นเราเดินกันต่อจนมาสุดทางชุมชนริมน้ำจันทบูรที่เชิงสะพานวัดจันทนาราม เดินลอดใต้สะพานมาโผล่อีกฝั่งของถนนท่าหลวง มีลานสาธารณะพร้อมเครื่องออกกำลังกาย และม้านั่งสำหรับกินทุเรียน (นี่แหละ สำคัญเลย) พอจับจองที่นั่งเสร็จ ปล่อยให้ลูกคนโตนั่งเฝ้าคุณพ่อกับน้องชายกินทุเรียนกัน ส่วนคุณแม่เดินข้ามถนนท่าสิงห์ เดินต่อไปถึงปากซอยถนนบ้านลุ่ม แถวเรือนจำเก่าจังหวัดจันทบุรี เพื่อไปถ่ายรูปกำแพงที่มีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพราะสะดุดตาตั้งแต่ขับรถผ่านตอนขากลับจากร้านกาแฟแล้ว ถ่ายรูปเสร็จ เดินกลับมา สองพ่อลูกกินทุเรียนเสร็จพอดี เราพากันเดินกลับที่พัก ปล่อยให้คุณพ่อตอบอีเมลงานอยู่พักนึง แล้วคุณแม่ชวนออกไปหามื้อเย็นกินกัน (คนโตขอร้านติดแอร์นะ)
ก้าวขาออกจากห้องปุ๊บ ไฟดับปั๊บ ลงบันไดมาชั้นล่าง ปรากฏว่าไฟดับทั้งหลังยังไม่พอ แต่ดับทั้งชุมชนกันเลย หันซ้ายแลขวา คุณแม่ไปต่อไม่เป็น นึกถึงคำพูดของชัย เจ้าถิ่น ที่เปรย ๆ ไว้เมื่อตอนบ่ายว่านอนที่นี่ เห็นคน (เจ้าที่) มานอนเป็นเพื่อนหรือเปล่า (แต่ก็เงียบไว้ นิ่งไว้เดี๋ยวดีเอง) ว่าแล้วก็เดินเลี้ยวซ้ายไปได้ไม่ไกล เพราะมืดหมด สุดท้ายเดินย้อนกลับมาที่ ร้านท่ามาจัน ซึ่งอยู่ติดกับที่พัก เพราะเค้าจุดเทียนที่โต๊ะอาหาร แลดูสว่างกว่าที่อื่น (ลูกลืมเรื่องร้านติดแอร์ไปแล้ว) ถามพนักงาน ได้ความว่า ถึงไฟจะดับก็ยังทำอาหารได้ โอเค จอดไม่ต้องแจวกันที่นี่เลย
มื้อนี้สั่ง เกี๊ยวห่อชีส ไก่ทอดซอสไวน์แดง ข้าวผัดเนื้อเค็ม ข้าวผัดกากหมู ข้าวเปล่าหนึ่งจาน สละลอยแก้วสามถ้วย น้ำเปล่าสองขวด น้ำแข็งหนึ่งกระติก รวม 700 บาท รสชาติดี เมื่อเทียบปริมาณแล้วแพงกว่าร้านจันทรโภชนา แต่ได้บรรยากาศริมน้ำและมีดนตรีฟัง (เล่นสดตอนสองทุ่ม) เราอยู่ฟังจนจบเพลงแรก แล้วกลับที่พัก เพราะถึงเวลานอนของเด็ก ๆ แล้ว (นักร้องร้องเพลงไม่ค่อยเพราะด้วยอีกต่างหาก)
โชคดีที่ไฟมาตั้งแต่ตอนเสิร์ฟอาหารจานแรก สรุปว่าคืนนี้ไม่ต้องนอนร้อน เปิดแอร์ได้ตามปกติ ลูกนอนเตียงล่าง คุณพ่อคุณแม่นอนฟูกใต้หลังคา หลับผล็อยกันไปด้วยความรวดเร็ว
ตอนเช้า คุณแม่รีบตื่นมาทำงาน ส่งงานทันเวลา เช็คเอาต์ตอนเก้าโมง ก่อนออกรถ คุณแม่ข้ามไปซื้อทองม้วนอ่อนกับขนมเปียกปูนสดร้านตรงข้ามที่จอดรถของบ้านพักมากินด้วย (หอม อร่อยจัง) ชวนคุณพ่อขับรถข้ามสะพานมาเพื่อถ่ายรูปชุมชนริมน้ำจันทบูรจากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ได้ภาพตามที่ต้องการ และได้โอกาสชิมทองม้วนอ่อนที่ซื้อมา เพราะคุณพ่อจอดรถ โทรศัพท์คุยงานนานมาก ๆ (น่าสงสารจัง)
วันสุดท้ายนี้ได้พาลูกแวะน้ำตกพลิ้วก่อนกลับกรุงเทพฯ แถมได้แวะโครงการป่าวังจันทร์ที่ระยองแบบไม่ทันตั้งตัว (ทั้งครอบครัวเรา และคนเฝ้าโครงการ) เพราะลูกคนเล็กขอเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม ปตท. ซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าโครงการนั่นเอง (คุณแม่มีหรือจะยอมพลาด) ไว้มาขยายความเรื่องสถานที่เที่ยวในจันทบุรีอีกทีนะคะ
รูปเยอะเช่นเคย คลิกดูที่ลิงก์ รูปครอบครัว กับ ลิงก์รูปสถานที่ ด้านล่างค่ะ
Imagery: Chantabun Waterfront Community familygallery and Chantabun Waterfront Community resortgallery
Leave a Reply