วันที่สองที่เกาะสมุย คุณแม่พาลุยหมู่เกาะอ่างทอง แม้ลูกชายคนโตจะอิดออดไม่อยากลงเรือ อยากอยู่แต่ที่พัก คุณแม่ก็ไม่ยอมตามใจ เพราะเรายังมีเวลาอยู่โรงแรมอีกหลายวัน ส่วนลูกชายคนเล็กตื่นเต้นอยากไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นที่สุด
การเลือกซื้อทัวร์ให้ซื้อโดยตรงจากบริษัททัวร์จะถูกกว่าซื้อจากที่เคาน์เตอร์โรงแรม คุณพ่อเลือกนั่งสปีดโบ้ทเพราะไม่อยากเสียเวลามาก ถ้านั่งเรือใหญ่ ตอนเข้าชมเกาะต้องลงเรือหางยาวอีกที ดูยุ่งยากเล็กน้อย บริษัททัวร์มีให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่ต่างกัน เราเลือกไปกับลมหลัก (ใช้สปีดโบ้ท) เครือเดียวกันกับลมพระยา (เรือใหญ่)
ตอนเช้า เรารีบตื่นมากินบุฟเฟต์มื้อเช้าที่โรงแรมประมาณ 7 โมงเช้า บริษัททัวร์จะส่งรถตู้มารับที่โรงแรมตอน 8 โมงพาไปลงเรือที่ท่าเรือ ก่อนลงเรือมีแซนด์วิช ชา กาแฟเสิร์ฟ แต่เราอิ่มกันมาแล้วจากที่โรงแรม เรือออกจากท่าตอน 9 โมงตรง เพื่อนร่วมเดินทางมีแต่ชาวต่างชาติรวม 30 กว่าชีวิต มีครอบครัวเรากลุ่มเดียวที่เป็นคนไทย สี่คนพ่อแม่ลูกนั่งฟังภาษาอังกฤษสำเนียงใต้กันไปตลอดทริป สนุกดี
ลงเรือไปได้ไม่นาน ตัวตั้งตัวตีให้เที่ยวเกาะก็เริ่มเมาเรือ (คุณแม่เอง) พอถึงจุดแวะดำน้ำจุดแรกที่เกาะว่าว คุณแม่รีบคว้ายามากิน เพราะจำได้ว่าเคยนั่งบนเรือโคลงเคลงรอพ่อลูกดำน้ำที่หมู่เกาะพีพีเมื่อ 3 ปีก่อน คุณแม่หมดสภาพมาก ครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนเล็กน้อยได้ยาช่วยไว้ แต่ลูกชายคนโตบอกว่าจะไม่ลงดำน้ำเด็ดขาด แถมขู่น้องอีกว่าหน้ากากดำน้ำสกปรกนะ มีคนอื่นใช้มากี่คนแล้วก็ไม่รู้ ลูกคนเล็กตอบว่าไม่เป็นไร ล้างก่อนใช้ก็สะอาดแล้ว สรุปว่าคุณพ่อต้องลงไปดำน้ำกับลูกคนเล็ก ส่วนคนโตนั่งเฝ้าคุณแม่ที่นอนหลับอยู่บนเรือ ที่จริงแล้วทริปนี้ไม่น่ามีกิจกรรมดำน้ำเลย เพราะไม่มีปลา ไม่มีปะการังสวย ๆ ใครอยากดำน้ำควรเลือกไปทริปเกาะเต่าและเกาะนางยวนดีกว่า
ดำน้ำเสร็จ คุณพ่อกับลูกคนเล็กยังคงใส่ชุดว่ายน้ำนั่งตากแห้งกันบนเรือจนถึงจุดแวะจุดที่สองที่เกาะแม่เกาะ ที่นี่เราต้องออกแรงเดินเล็กน้อย เพื่อไปดูทะเลในสีเขียวมรกต ทางเดินเป็นบันไดเดินง่าย แต่ขั้นบันไดสูงไปนิดสำหรับเด็ก ลูกคนโตหน้าตาไม่รับแขกเอาเสียเลย ขอรออยู่หน้าหาดแต่คุณแม่ไม่อนุญาต มาด้วยกันต้องไปด้วยกัน ลูกคนเล็กเดินนำลิ่วเหมือนเดิม กลับลงมาจากจุดชมวิวทะเลใน ได้กินไอศกรีมกันคนละหนึ่งโคน กลับไปลงเรือได้น้ำซ่าดื่มชื่นใจ ประวิงเวลาไม่ต้องเห็นหน้าบูดของลูกคนโตได้แป๊บนึง
จากนั้นนั่งเรือต่อไปที่เกาะวัวตาหลับ ซึ่งเป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เราพักกินมื้อกลางวันกันที่นี่ (รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์) อาหารเป็นแบบธรรมดาทั่วไป มีกับข้าว 3 อย่าง และผลไม้ เสร็จจากมื้อกลางวัน เรามีเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เลือกทำกิจกรรมได้คนละหนึ่งอย่าง เดินขึ้นจุดชมวิว พายเรือคายัค หรือนั่งเล่นริมหาด คุณแม่เลือกขึ้นจุดชมวิวเพราะเคยขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เลยอยากไปดูอีกสักครั้งว่าจะโหดเหมือนเดิมหรือเปล่า ลูกชายคนเล็กอยากพายเรือคายัค ลูกชายคนโตขอนั่งเล่นริมหาด คุณพ่อพยายามโน้มน้าวให้ลูกคนเล็กนั่งเล่นริมหาดแบบคนโต คุณแม่ไม่ทันได้อยู่ฟังว่าลูกเลือกอะไร ต้องรีบขึ้นจุดชมวิวเพราะมีเวลาจำกัด
ลูกทัวร์บนเรือลำเดียวกันมีทั้งหมด 30 กว่าคน มีแค่คุณแม่กับหนุ่มฝรั่งเศสอีก 2 คน (แบกกล้องจริงจังมาก) ที่เลือกขึ้นจุดชมวิว นอกนั้นเลือกพายเรือกับนั่งเล่นริมหาดกันหมด (มีชาวต่างชาติจากเรือลำอื่นบ้าง แต่ไม่มีคนไทยขึ้นจุดชมวิวเลย) ระยะทางชันตลอด 500 เมตร มีจุดชมวิว 4 จุด การขึ้นเขาครั้งนี้สอนให้คุณแม่รู้ว่า อนิจฺจา วต สงฺขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง (คือจะเลี่ยงคำว่าแก่นั่นแหละ) เพื่อนที่เคยขึ้นจุดชมวิวด้วยกันเมื่อ 20 ปีที่แล้วใช้คำว่า ไม่เจียม (เออ ตรง) คุณแม่เหนื่อยหอบใกล้หมดสภาพตั้งแต่ยังไม่ถึงจุดชมวิวจุดที่สามเลย ทีแรกคิดว่าขาลงคงจะสบาย แต่กลับยากกว่าขาขึ้นอีกเพราะขาหมดแรงรับน้ำหนักตัวเองแล้ว ลงมาถึงข้างล่าง ลูกชายคนโตเดินตัวเปียกมารับ คุณแม่บอกลูกว่า ปวดหัว อยากอาเจียน แล้วก็อาเจียนไป 3 รอบ ลูกตอบกลับมาว่า “คุณแม่ปวดหัวมากหรือเปล่า” (เหมือนจะเป็นห่วง) “ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าเวลาเดินร้อน ๆ มันปวดหัว เนี่ยคุณแม่ต้องเจอกับตัวเอง” (อ๊าย ลูกชิงบ่นตอนคุณแม่กำลังมึน)
แล้วลูกก็รายงานว่า คุณพ่อพาน้องไปพายเรือคายัค กลับมาจากพายเรือ น้องยังบ่นว่าอยากพายต่ออีก ส่วนลูกคนโตลงเล่นน้ำทะเลดับร้อนคนเดียวไม่แคร์ใคร สมความตั้งใจกันถ้วนหน้า ยกเว้นคุณพ่อ แต่ถ้าคุณแม่กับลูกมีความสุข คุณพ่อก็มีความสุขเหมือนกัน (อันนี้คุณพ่อเคยบอก คุณแม่จำได้)
ถึงเวลาลงเรือกลับ ไกด์กล่าวขอบคุณตั้งแต่เรือยังไม่ออก บอกว่าใช้เวลา 45 นาทีจึงจะถึงฝั่ง คุณแม่ยังนึกว่าทำไมรีบขอบคุณจัง มารู้ตอนเรือถึงฝั่งว่า ลูกทัวร์พร้อมใจกันหลับ สลบเหมือดกันทั้งลำ ไกด์ต้องปลุกเมื่อถึงฝั่ง ไม่มีใครอยากฟังคำขอบคุณอีกต่อไป มีแต่คนอยากนั่งรถกลับที่พักไปอาบน้ำพักร่างโดยเร็วเท่านั้น
บันทึกไว้ในความทรงจำ (21/04/2017)
Five steps to conquer the viewpoints of Wua Ta Lap Island
Step 1: Follow the 2 French guys to the first viewpoint
Step 2: Take a short break due to dizziness while approaching the second viewpoint
Step 3: Have some water and toffee while frequently sitting down before arriving at the third viewpoint
Step 4: Stand still, trying not to vomit, just another 5 metres of the steepest walkway to the highest viewpoint
Step 5: Repeat steps 1 through 4 while climbing down, out of breath, and finally vomit when arriving at the starting point
ห้าขั้นตอนพิชิตจุดชมวิวที่เกาะวัวตาหลับ
ขั้นตอนที่ 1 เดินตามหนุ่มฝรั่งเศสสองคนไปเรื่อยจนถึงจุดชมวิวแรก
ขั้นตอนที่ 2 เริ่มมึนละ ขอพักก่อน ปล่อยฝรั่งเศสไปจุดชมวิวที่สองก่อนเลย
ขั้นตอนที่ 3 เริ่มจิบน้ำ หยิบลูกอมมาอม นั่งพักรัว ๆ ก่อนถึงจุดชมวิวที่สาม
ขั้นตอนที่ 4 ยืนนิ่งสนิท กลั้นอาเจียน เงยหน้ามองอีกห้าเมตรถึงจุดชมวิวสูงสุด (ทางชันขนาด) จะมาปล่อยตรงนี้ได้ไง
ขั้นตอนที่ 5 ขาลง ทำซ้ำตั้งแต่ขั้นตอนแรกถึงขั้นตอนที่สี่ เหนื่อย หอบรับประทาน อาเจียนที่อั้นไว้เอามาปล่อยตอนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นนี่แหละ
แค่ 500 เมตร ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง (ทั้งขึ้นและลงรวมเวลาพัก) ลงมาถึงข้างล่าง คุณสามีถาม เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดมากเลย ภรรยานึกในใจ อ้อ มิน่าตามทางมีฝรั่งสามคนทักสามครั้งสามจุด “Are you okay?”
ไม่มีแรงตอบคำถามสามี ได้แต่ยื่นโทรศัพท์ให้ แล้วสามีก็จิ๊กรูปไปโพสต์ ภรรยาเพิ่งฟื้นหลังจากสลบไปเกือบสามชั่วโมง
Imagery: Ang Thong National Marine Park familygallery and Ang Thong National Marine Park resortgallery
Leave a Reply