แล้วก็มาถึงวันเที่ยวอุทยานแห่งชาติอีกครั้ง บ้านไร่ไออรุณอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติแหลมสน ครอบครัวเราเลือกไปเที่ยวเกาะครึ่งวัน แทนการปลูกผักและปั่นจักรยานเล่นที่บ้านไร่ (ลงเล่นน้ำใส ๆ ตามเกาะจะได้ไม่ร้อนไง จริงมั้ย)
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ คุณพ่อขับรถพาไปซื้อน้ำและอาหารกลางวันเตรียมไปกินบนเกาะ (ที่เกาะไม่มีบ้านพัก ไม่มีร้านอาหาร) จากนั้นขับรถไปลงเรือที่ท่าเรือบางเบนซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไร่ประมาณ 20 กิโลเมตร เราจ่ายค่าเข้าอุทยานที่ท่าเรือ เห็นเรือจอดอยู่ไม่กี่ลำ
คนขับเรือชื่อบังหมาน พาลูกสาวมาออกเรือกับเราด้วย วันนี้เราจะไปเกาะค้างคาว เกาะกำตก (สะกดด้วย กอ ไก่ ไม่เหม็น) และเกาะญี่ปุ่นกัน
ก่อนลงเรือ ลูกชายคนโตบ่นปวดหัวล่วงหน้าไปก่อนเลย นั่งเรือไปได้ไม่นาน บังหมานบอกถึงเกาะค้างคาวแล้ว เห็นเรือจอดอยู่หน้าเกาะสองสามลำ มีนักท่องเที่ยวคนไทยลงดำน้ำอยู่ไม่กี่คน เราลงไปเดินเล่นที่หาดก่อน มีเรือจอดอยู่แค่ลำเดียว (คนน้อยถึงน้อยมาก) เห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินอนอาบแดดอยู่สองคน
พอลงจากเรือปุ๊บ ลูกชายคนโตหาโขดหินใต้ต้นไม้เป็นที่นั่งกุมขมับรอน้องชายที่ปีนขึ้นต้นไม้เพื่อถ่ายรูปทั้งเดี่ยวและคู่กับคุณพ่อคุณแม่ ทรายที่นี่ขาว นุ่ม และสะอาดมาก น้ำใสกิ๊ก คุณพ่อห่วงว่าลูกจะร้อน จึงชวนกันเล่นน้ำทะเล คุณแม่เห็นลูกคนเล็กหัวเราะร่า สนุกสนานตลอดเวลา ส่วนลูกคนโตก็แอบยิ้มเนียน ๆ เวลาคุณพ่อคุณแม่เผลอ แต่ถ้าหันมาเจอว่ามีคนมองอยู่เมื่อไหร่ จะหุบยิ้มทันที (อาการประจำของคนปากกับใจไม่ตรงกันที่คุณแม่เกือบ ๆ จะชินแล้ว)
เล่นอยู่นานจนบังหมานต้องถามว่าพร้อมดำน้ำดูปะการังหรือยัง เพราะส่วนใหญ่เค้าไม่ได้มาเล่นน้ำชายหาดที่เกาะนี้ แต่มาดำน้ำดูปะการังกับปลาเล็กปลาน้อยที่หน้าเกาะ บ้านนี้ทำเอาบังหมานงงเล็กน้อย คุณแม่ต้องเรียกทุกคนกลับมาที่เรือเพื่อไปดำน้ำกัน
บังหมานแล่นเรือออกจากหาดมาไม่ไกลก็ถึงเขตน้ำลึกทางด้านขวาของหาด เรือลำอื่น ๆ หายไปหมดแล้ว เหลือบ้านเราบ้านเดียวอีกตามเคย คุณพ่อกับลูกคนเล็กพร้อมลงดำน้ำตื้นดูปลาตามปะการัง คุณแม่คอยถ่ายรูปอยู่บนเรือ ลูกชายคนโตไม่ลง บ่นปวดหัว และกลัวอุปกรณ์ดำน้ำสกปรก (คนเล็กไม่สน สกปรกก็ล้างสิ ลูกบอก) อยู่บนเรือก็ยังมองเห็นทั้งปลาและปะการัง แถมยังเห็นหอยเม่นอีกเพียบเลย คุณแม่ชี้ชวนให้ลูกคนโตดู ลูกทำเป็นไม่สนใจได้แต่เหล่ ๆ มองตาม
ดำน้ำได้สักพัก คุณพ่อชวนลูกคนเล็กกลับขึ้นเรือ ระหว่างนั้น บังหมานชี้ให้ดูฝูงปลาหมึกอยู่ไกล ๆ คุณพ่อคุณแม่ตื่นเต้นมาก เรียกลูกมาดูฝูงปลาหมึก เพราะคิดว่าจะได้เห็นเฉพาะเวลาที่เค้าออกไปตกหมึกกันตอนกลางคืน (นี่กลางวันแดดเปรี้ยงก็มีด้วยเหรอ) บังหมานหันมาบอกว่าจะตกหมึกให้ดู คุณพ่อคุณแม่ส่งเสียงตื่นเต้นไม่หยุด ลูก ๆ พลอยชะเง้อชะแง้มองตาม (ตะลึงกับเสียงคุณพ่อคุณแม่นี่แหละ ไม่ใช่อะไร) จนบังหมานบอกให้เงียบ ๆ หน่อย เดี๋ยวมันหนีไปหมด
บังหมานโยนเหยื่อ (กุ้งปลอม) ไปไกลมาก ๆ บอกตามตรงว่าคุณแม่ไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้ว่าฝูงหมึกอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ เห็นอีกทีคือตอนบังหมานตกหมึกได้ ลากสายเอ็นตกหมึกเข้ามาใกล้เรือ และที่เห็นก็เพราะปลาหมึกพ่นหมึกเป็นทางยาวมาเลย พอตกได้ตัวนึง ปลาหมึกที่เหลือก็หายไปทั้งฝูง เหมือนรู้ตัว บังหมานบอกให้เงียบ ๆ รอ แล้วก็ตกได้อีกตัว จากนั้นมีเรือนักท่องเที่ยวมาเพิ่มอีกลำ ฝูงหมึกก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย ครั้งสุดท้ายที่บังหมานโยนเหยื่อออกไป ลากกลับมาได้แต่สายเอ็น เหยื่อขาดติดอยู่กับปะการัง บังหมานบอกว่าถึงเห็นฝูงหมึกก็ตกไม่ได้แล้ว ไม่มีเหยื่อแล้ว เราเลยบ๋ายบายเกาะค้างคาว มุ่งหน้าไปต่อที่อ่าวเขาควาย เกาะกำตก
อ่าวเขาควายเป็นที่ทำการของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ มีห้องน้ำ มีโต๊ะใต้ร่มไม้ให้นั่งกินข้าว (ที่เราเตรียมไปเอง) ที่นี่เราเจอนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส (ได้ยินเค้าคุยกัน) สองกลุ่มนั่งสปีดโบ้ทมา และนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกสองกลุ่ม รวมแล้วไม่เกิน 20 คน เท่านี้จริง ๆ ตอนลงจากเรือ สัมผัสได้ว่าทรายนุ่ม ขาว สะอาด แต่ร้อนเท้าที่สุด สี่คนพ่อแม่ลูกลงมาแบบเท้าเปล่า วิ่งเข้าร่มแทบไม่ทัน
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับข้าวเหนียวไก่ทอดของเราแล้ว คุณพ่อกับลูกชายคนโตก็นั่งคุยกันใต้ต้นไม้เพลิน ๆ (แบบลูกผู้ชาย อิอิ) ส่วนคุณแม่กับลูกชายคนเล็กเดินสำรวจรอบเกาะกัน (เล่นเดินหลบลูกสนบนพื้นกันสนุก ๆ) ฝั่งที่พวกเราลงจากเรือเป็นอ่าวด้านในเกาะที่โค้งเป็นรูปเขาควาย มีหน้าหาดสั้น น้ำทะเลสีเขียวใส ลึกกว่าอีกฝั่ง ส่วนฝั่งที่นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสจอดสปีดโบ้ทอยู่ มีหน้าหาดยาว น้ำทะเลสีฟ้าใส (เดินจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งไม่เกิน 30 ก้าว) น่าลงเล่นน้ำมากถ้าพระอาทิตย์จะปรานีเรามากกว่านี้ (ร้อนแดดแผดเผายามเที่ยงวัน เล่นน้ำไม่ไหวจริง ๆ)
ได้เวลาอันสมควร เรากลับไปที่เรือ ทรายยังร้อนเหมือนเดิม ลูกคนโตถามว่ากลับเข้าฝั่งเลยได้ไหม บังหมานบอกไปเกาะญี่ปุ่นกันดีกว่า อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง แล้วก็ยื่นปลาหมึกต้มสองตัวที่ตกได้เมื่อกี้มาให้ชิม ลูกคนเล็กมีคำถาม “สะอาดมั้ยคุณแม่ เค้าใช้อะไรล้าง” (เฮ้อ คุณแม่ถอนใจเบา ๆ ) “สะอาดเอี่ยมและสดมาก เดี๋ยวคุณแม่กินให้ดู” หวานอร่อยไม่ง้อน้ำจิ้มจ้า
นั่งเรือต่อไปไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงเกาะญี่ปุ่น คุณพ่อกับคุณแม่ชอบมาก เกาะนี้สวยที่สุดในบรรดาสามเกาะที่บังหมานพาไป หาดกว้างและตื้น น้ำทะเลสีฟ้าใสกิ๊ก เหมาะกับการเล่นน้ำที่สุด ถึงแม้ทรายที่นี่จะไม่นุ่มเท่าที่เกาะค้างคาวและเกาะกำตกก็ตาม (บังหมานบอกว่าเพราะมีเปลือกหอยเยอะ) สรุปว่าทุกคนลงเดินเล่นที่หาด (ไม่ร้อนเท้าแล้ว) และสนุกสนานกับการเล่นน้ำที่นี่มากที่สุด ลูกไม่ยอมขึ้นจากน้ำทั้งคู่เลย
คุณแม่เดินหาที่นั่ง มองไปรอบ ๆ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยสี่ห้าคน กับนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันหกคน นั่งสปีดโบ้ทมาจากภูเก็ต ไกด์บอกว่าไปรับจากสนามบินแล้วตรงมานี่เลย (น่าจะมีอีกหลายที่นะ ที่ชาวต่างชาติรู้จักและได้ไปสัมผัสก่อนคนไทยเสียอีก) ระหว่างที่นักท่องเที่ยวนอนอาบแดดบ้าง ลงเล่นน้ำบ้าง คุณแม่ดูไกด์ง่วนอยู่กับการเดินแจกผ้าเย็น น้ำดื่ม และผ้าเช็ดตัว แล้วเดินกลับมาเตรียมมื้อกลางวันต่อ เอ่อ คนหกคนนี่ไกด์เตรียมอาหารแบบบุฟเฟต์ มีถาดและเตาอุ่นใต้ถาดมาพร้อมนะ ทั้งเกาะมีโต๊ะกับม้านั่งอยู่ใต้ต้นไม้เพียงชุดเดียว เหมือนตั้งรอไว้สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้พอดี
ลูกเล่นน้ำกันนานมากจนคุณพ่อคุณแม่ต้องเอ่ยปากชวนให้กลับกันเถอะ คุณพ่อตามรอบแรก ลูกยังไม่ยอมเลิก ต้องให้คุณแม่ไปตามรอบที่สอง ถึงจะยอมขึ้น เดินกลับไปที่เรือ ลูกสาวของบังหมานก็เล่นน้ำอยู่เหมือนกัน ขากลับนั่งสัปหงกกันคนละทีสองที ไม่นานก็ถึงท่าเรือบางเบนโดยสวัสดิภาพ (น้ำลงพอดี เรือที่จอดอยู่แถวหาดบางเบนเลยแลดูเหงา ๆ หน่อย)
จากท่าเรือ ขับรถกลับมาถึงบ้านไร่ สั่งมื้อเย็นไว้ก่อน แล้วไปอาบน้ำ นอนผึ่งแอร์ ลูกคนโตเหนื่อยหนัก นอนหลับไปเกือบชั่วโมง ตื่นมาสดชื่นอารมณ์ดี ได้เวลามื้อเย็นแสนอร่อยจนต้องบอกต่อ (อาหารใต้ อร่อยทุกอย่าง)
เที่ยวระนองครั้งนี้ ได้เห็นทะเลสวย น้ำใส ไม่วุ่นวาย นักท่องเที่ยวน้อย ต่างจากเที่ยวทะเลที่ภูเก็ตหรือกระบี่ ทั้งที่เป็นทะเลอันดามันเหมือนกัน ที่สำคัญสามารถเก็บใบเสร็จรับเงินค่าที่พักไว้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย เพราะระนองเป็นหนึ่งใน 55 จังหวัดตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วยนะ
แหลมสน ใครไม่สน แต่เราสน
Imagery: Laem Son National Park familygallery and Laem Son National Park resortgallery
Leave a Reply