» » » » ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า

ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า

หกโมงเช้า คุณพ่อแจกแซนด์วิชคนละห่อ ยังไม่หิวก็ต้องกินตามหน้าที่ คุณแม่เตรียมน้ำขวดเล็กสองขวดเผื่อลูกคนเล็กที่หิวน้ำตลอดเวลา

คุณศักดิ์คนเดิม เพิ่มเติมคือมีดเข้าป่า มายืนรอที่หน้าบ้านตอนเจ็ดโมงตรง ทุกคนพร้อม

หลังจากสอบถามเพื่อประเมินเส้นทางที่เหมาะสม สำหรับสมาชิกที่เคยเดินป่าไกลสุดหนึ่งชั่วโมงที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคามาก่อน คุณศักดิ์บอกงั้นเราไปเส้นทางดูนกกัน

ระหว่างทางเริ่มเดินเข้าป่า คุณพ่อประเดิมด้วยคำถามแรก ป่าตรงนี้เป็นป่าปลูกเหรอครับ ต้นไม้ขึ้นเป็นระเบียบเลย คุณศักดิ์รีบตอบ นี่ป่าธรรมชาติ เป็นระเบียบก็ต้องเป็นแถว ๆ สิ นี่ไม่ได้เป็นแถวนะ ที่ปลูกเสริมเองบ้างคือต้นสัก

หลังจากคำถามแรก คุณพ่อตัดสินใจถอยกลับไปเป็นกองหลังคอยเก็บภาพ ให้ลูกชายคนเล็กเป็นกองหน้า คุณแม่ออกแนวเสนอหน้า (เก็บข้อมูล) ส่วนลูกชายคนโตอ้อยอิ่งอยู่หลังสุด คอยแกล้งคุณพ่อพอให้ตัวเองหายเซ็งเป็นระยะ ๆ

ป่าห้วยขาแข้งเป็นป่าโปร่งไม่รกทึบ มีต้นไผ่ชนิดต่าง ๆ เราเรียกว่าป่าเบญจพรรณมีพันธุ์ไม้หลัก 5 ชนิด ได้แก่ สัก มะค่าโมง แดง ชิงชัน และประดู่ บางส่วนเป็นป่าเต็งรัง มีต้นเต็งและต้นรัง คุณศักดิ์หยิบใบเต็งขึ้นมาให้ดูว่าฐานใบจะเต็มใบ มีขนาดเล็กกว่าใบรังที่ฐานใบเว้า คุณแม่รีบเสริม อ้อ ไม่เต็มเต็ง คือไม่เต็มใบนี่เอง (เอิ่ม ไม่เกี่ยวนะ ไม่เต็มเต็งคือไม่เต็มตาชั่งของจีนต่างหาก)

ระหว่างทาง สิ่งที่เห็นบ่อยที่สุดคือ รอยรั้วพัง ต้นไม้หัก ต้นไม้ถูกถอนราก (ฝีมือช้าง) ต้นไม้โค้งงอยังไม่ถึงกับหัก (เพราะช้างใช้ต้นไม้เกาพุง) มีมูลช้างประปราย รอยเท้ากวางมีเยอะที่สุด และรอยเท้าวัวแดงที่เพิ่งผ่านไปหมาด ๆ การที่ช้างเดินผ่านแล้วโน้มกิ่งไม้ต่าง ๆ ลงมากินยอดอ่อน เป็นผลพลอยได้ให้สัตว์ตัวอื่นที่เดินตามมาทีหลังได้อาศัยกินยอดไม้ที่เหลือ เพราะลำพังสัตว์ตัวเล็กจะปีนต้นไม้ไปกินเองก็ไม่ได้ จะโค่นต้นไม้ลงมาก็ไม่ไหว นี่เป็นการพึ่งพากันของสัตว์ป่า

สิ่งที่เห็นมากที่สุดคือเห็ด

เห็ดที่เคยเห็นที่นี่เป็นครั้งแรกคือเห็ดสีเหลืองขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ ลูกถามว่ากินได้ไหม คุณศักดิ์ตอบทันทีว่ากินได้ แต่กินได้ครั้งเดียว กินแล้วตายเลย (นั่น) ลูกหัวเราะกันใหญ่ จากนั้นก็เจอเห็ดรูปร่างแปลก ๆ สีขาว สีเทา สีส้มมาเรื่อย ๆ คุณศักดิ์ชี้ให้ดูว่านี่เห็ดสี่คนหาม คุณแม่ทักว่าชื่อแปลกจัง เลยได้คำอธิบายว่า กินแล้วต้องใช้สี่คนหามลงโลงเลยไง อ้อ

เดินผ่านลำน้ำแห้งขอด ขึ้นเนิน ลงเนิน ผ่านที่ดักเสือจำลอง ผ่านกล้องดักถ่ายสัตว์ คุณศักดิ์หันมาบอกให้หยุดเดิน ห้ามพูด ช่วยกันฟังเสียง แล้วกระซิบถามว่าได้ยินไหม คุณพ่อทำหน้าเหวอไม่ได้ยินอะไร คุณแม่เหมือนได้ยินเสียงนกแต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า

คุณศักดิ์เฉลย “เสียงคนคุยกัน” อ้าว เราก็ตื่นเต้นคิดว่าเป็นเสียงสัตว์ แต่คุณศักดิ์ตื่นเต้นกว่าที่เป็นเสียงคน คุณพ่อกับคุณแม่ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าคุณศักดิ์จะทำอะไรต่อ สรุป “คงเป็นพวกมาเก็บเห็ด คงมาเก็บเห็ด” พึมพำสองรอบแล้วพาเราเดินต่อ

เรากำลังเดินผ่านโป่งเทียม เห็นนกยูงอยู่ไกล ๆ พอเราเดินไปใกล้ นกยูงก็หนีไป ที่โป่งมีรอยเท้าสัตว์อยู่บ้าง เห็นมีเกลือโรยอยู่เป็นหย่อม ๆ มองไปทางขวาเห็นหอส่องสัตว์ คุณพ่อจะลองภูมิลูก แกล้งแซวว่านี่ที่เรามาเมื่อวานนี่นา แต่คุณศักดิ์ได้ยิน รีบบอกว่า ไม่ใช่ คนละที่กัน

คุณศักดิ์มีหูเป็นอาวุธ เมื่อวานคุณแม่ถามลูกว่าคำว่า เสลา (ลำห้วยเสลา) สะกดยังไง คุณศักดิ์ก็ชิงตอบเสียก่อน น่ารักดี เป็นผู้กระตือรือร้นในการให้ความรู้อย่างแท้จริง คุณแม่ชอบ

เราเดินวนกลับมาด้านหลังบ้านพัก คุณพ่อดูนาฬิกา ครบหนึ่งชั่วโมงพอดี ชื่นชมในความแม่นเวลาและเส้นทางที่เลือกของคุณศักดิ์เป็นที่สุด

ก่อนเดินกลับถึงบ้านพัก คุณแม่ถามคุณศักดิ์ว่าจะมีคนมาดูแลทำความสะอาดบ้านพักไหม จะฝากค่าเหนื่อยไว้ให้ คุณศักดิ์บอกให้พับผ้าห่มเก็บเตียงให้สภาพเหมือนตอนเข้าพัก (น่ะ ใช่เลยไม่เคยซัก อิอิ)

ถึงแม้คุณศักดิ์จะย้ำอีกครั้งว่ามาพักที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่าย เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ให้ความรู้ ปลุกจิตสำนึกเยาวชนและคนทั่วไปให้มีใจอนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่า แต่คุณแม่ประทับใจการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีที่เจ้าหน้าที่ทุกคนมีให้ตั้งแต่ผ่านด่านแรกเข้ามา คุณพ่อฝากน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่ซองให้ไปด้วยความขอบคุณจากใจจริง

การเดินเข้าป่าครั้งนี้ ลูกชายคนเล็กไม่งอแงไม่บ่นหิวน้ำ ถามคำถามตลอดเวลา คุณแม่ช่วยจำมาบันทึกไว้ให้ลูกได้กลับมาอ่านในวันข้างหน้า ลูกชายคนโตอดทนไม่บ่นสักคำ ลึก ๆ คงสนุกอยู่บ้าง (ได้แกล้งคุณพ่อ) เท่านี้คุณแม่ก็ดีใจแล้ว คุณพ่อดูแลทุกคนเป็นอย่างดี

ในขณะที่เราทำงาน ส่งลูกไปโรงเรียน ซื้อของในห้าง กลับบ้านมานอนห้องแอร์ ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สละความสะดวกสบายมาอยู่ในป่า ไม่มีไฟฟ้าใช้ เพื่อคุ้มครองสัตว์ป่าและดูแลผืนป่า สร้างสมดุลธรรมชาติให้โลกของเรา

ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า

Facebook Comments

Leave a Reply