#bondingthroughtravelling
ทุกคนตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าจะได้ขึ้นเขาไปดูทะเลหมอกกันหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนฝนตกหนักมากตั้งแต่เที่ยงคืน คุณพ่อบอกว่าน่าจะหยุดตกไปตอนตีสอง คุณแม่ให้ทุกคนเปลี่ยนชุดเตรียมขึ้นเขาไว้ก่อน ถ้าไม่ได้ขึ้น เดี๋ยวตาเตี่ยมคงมาบอกเอง
เหตุเกิดจากความฉุกละหุกขนของขึ้นรถกระบะพี่ออยเมื่อวานตอนเย็น เพราะไม่รู้แต่แรกว่าเราจะขับรถเข้ามาที่บ้านตาเตี่ยมเองไม่ได้ นอกจากจะลืมกระเป๋าเครื่องอาบน้ำแล้ว คุณแม่ยังลืมถุงเสื้อผ้าเดินขึ้นเขาอีกด้วย หยิบมาแต่รองเท้าผ้าใบ (เตรียมมาสำหรับเดินป่าและขึ้นเขาโดยเฉพาะ ที่อื่นจะใส่รองเท้าแตะกัน) แต่ไม่มีถุงเท้าและเสื้อผ้า รวมถึงเสื้อคลุมกันหนาว (ผิดแผนครั้งที่ 3) ทุกคนต้องขุดเอาเสื้อผ้าของเมื่อวานที่เน่าแล้ว (ทั้งขี่จักรยานตอนบ่ายต้น ๆ และเดินทุ่งนาตอนแดดเปรี้ยงเหงื่อออกกันเต็มที่) ยกเว้นคุณพ่อที่หยิบชุดใส่กระเป๋าเกินมาหนึ่งชุดพร้อมถุงเท้า (อะไรจะเป๊ะขนาดนั้น)
ตีสี่สี่สิบห้า พี่อบ ไกด์นำทางขึ้นเขา มาตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงตาเตี่ยมในความมืดอวยพรขอให้ขึ้นเขาให้สนุก พี่อบใส่ไฟส่องทางแบบสวมหัวมาพร้อม และส่งไฟแบบเดียวกันให้คุณแม่ ส่วนคุณพ่อใช้ไฟฉายที่เตรียมมาเอง เรากำลังจะเดินขึ้นเขาระยะทาง 850 เมตรในความมืดกัน
พี่อบเดินนำเข้าไปในสวนทุเรียนของตาเตี่ยม เป็นทางเดินขึ้นเนินไม่ชันมาก แต่ค่อนข้างลื่นเพราะเมื่อคืนฝนตก ลูกชายคนโตประเดิมก้นจ้ำเบ้าก่อนเลยตั้งแต่ยังไปไม่ถึงไหน แต่ลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว ผ่านสวนตาเตี่ยมไปได้ไม่นาน ทางเริ่มชันขึ้น ลำดับการเดินในตอนแรกคือ พี่อบ ลูกชายคนเล็ก คุณแม่ ลูกชายคนโต และคุณพ่อ ตอนเดินก็จะงง ๆ หน่อยเพราะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากพื้นระยะหนึ่งถึงสองเมตรข้างหน้า (คล้าย ๆ เดินกลับจากดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ภูกระดึง แต่นี่เดินขึ้นตลอด ไม่มีทางราบเลย) พี่อบบอกว่ามีคนนำเราไปก่อนแล้วหนึ่งกลุ่ม และกำลังเดินตามเรามาอีกหนึ่งกลุ่ม เพิ่งเดินไปได้ 100 เมตร ลูกชายคนโตเริ่มถามว่าอีกไกลไหม
เดินต่อไปได้อีกไม่ไกล ลูกชายคนโตเริ่มไม่ไหว ขอหยุดพัก บ่นอยากอาเจียน และในที่สุดก็อาเจียนไปหนึ่งรอบ พี่อบบอกไม่ต้องรีบ ให้นั่งพักกันก่อนก็ได้ หลังจากพักครั้งแรก ลำดับการเดินเริ่มเปลี่ยนไป เป็น ลูกชายคนเล็ก คุณพ่อ ลูกชายคนโต คุณแม่
หลังจากหยุดพักครั้งที่สาม คุณแม่เริ่มรู้สึกเหนื่อย อยากอาเจียนตามลูกชายคนโต (เอ๊ะ หรือจะเป็นอุปาทานหมู่ แต่ทำไมคุณพ่อกับลูกชายคนเล็กไม่เห็นเป็นเลย) คิดดูแล้วอาการเหมือนตอนที่เดินขึ้นจุดชมวิวที่เกาะวัวตาหลับ หมู่เกาะอ่างทอง ต่างกันตรงที่เส้นทางที่นั่นชันกว่า สั้นกว่า (แค่ 500 เมตร) รีบเร่งกว่า (ต้องเดินขึ้นและลงมาให้ทันเรือออกจากเกาะ) ส่วนที่นี่ แม้จะชันน้อยกว่า แต่ก็เดินขึ้นอย่างเดียวเหมือนกัน แถมเดินในความมืดอีกต่างหาก
ประมาณตีห้าสี่สิบห้า (โอ๊ะ เดินมาจะครบหนึ่งชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย ไหนพี่อบบอกเดินแค่ครึ่งชั่วโมงไง) คุณพ่อเริ่มบ่น กลัวขึ้นไปไม่ทันเห็นพระอาทิตย์ขึ้น (คุณแม่กับลูกชายคนโตเริ่มพักถี่ขึ้นเรื่อย ๆ) คุณแม่เลยบอกให้คุณพ่อกับลูกชายคนเล็กนำขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป คุณพ่อรีบพาลูกคนเล็กเดินจากไปทันที (ฮา) ฝ่ายคุณแม่กับลูกชายคนโต ปล่อยให้กลุ่มหลังเดินแซงเราไปก่อน จุดที่นั่งพักครั้งสุดท้าย กลายเป็นว่าลูกไม่เป็นอะไรแล้ว คอยถามคุณแม่ว่าไหวมั้ยแทน แต่คุณแม่ก็ลากสังขารขึ้นไปถึงจุดชมวิวห้วยต้นไฮได้ในที่สุด
ท้องฟ้าไม่มืดสนิทเหมือนตอนแรกแล้ว แต่ยังไม่เห็นแสงอาทิตย์ เริ่มมีหมอกบ้าง และหมอกเยอะกว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนฝนตก โชคดีจังเลย ตกแล้วหยุดเพื่อให้เราได้มาดูทะเลหมอกพอดี คุณพ่อเป็นแฟนพันธุ์แท้ทะเลหมอก เดินวนถ่ายรูปหมอกอย่างเดียวประมาณ 150 รูปได้ ลูกชายสองคนพกเอาไอแพดขึ้นมาด้วย นั่งเล่นเกมรอพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนคุณแม่หมดสภาพมาก อยากล้มตัวลงนอน กรณีนี้ไม่เรียกว่าผิดแผน คุณแม่ขอใช้คำว่าผิดพลาดแทน
ปกติคุณแม่จะเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดในบ้าน วันนี้กลับรั้งท้าย คุณพ่อกับลูกชายคนเล็กแย่งตำแหน่งไปแล้วเรียบร้อย ทั้งสองคนเดินขึ้นเขาครั้งนี้สบาย ๆ ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นผลมาจากการออกกำลังกายเป็นประจำนั่นเอง ปีนี้คุณแม่ออกกำลังกายน้อยมาก พละกำลังถดถอย ต้องพิจารณาตัวเองจริงจังเสียแล้ว ยังดีที่พอใกล้เวลาลง คุณแม่ก็อาการดีขึ้น (เอ๊ะ หรือจะเป็นเพราะนอนน้อย)
พี่อบถือกาแฟกับโอวัลตินในกระบอกไม้ไผ่มาให้ เช้านี้มีนักท่องเที่ยวรวม 15 คน บางคนนั่งห้อยขากินมาม่าในกระบอกไม้ไผ่ที่จุดชมวิว แต่ครอบครัวเรารอลงไปกินมื้อเช้าที่บ้านตาเตี่ยม เพราะเดินลงไปก็ถึงเลย คนอื่นต้องนั่งรถกลับเข้าหมู่บ้านอีก
ขาเดินลงเขา ฟ้าสว่างแล้ว คุณพ่อเพิ่งได้เห็นว่าทางที่เดินขึ้นมาก็สูงเหมือนกัน ลูกชายคนโตบ่นว่าเดินลงลำบากเพราะรองเท้าลื่น คอยเกาะราวไม้ไผ่ตามทางมาตลอด ส่วนคนเล็กนำฉิวไปกับพี่อบเหมือนเดิม
ลงมาถึงบ้านตาเตี่ยม มื้อเช้าก็พร้อมแล้ว คุณพ่อขออาบน้ำก่อน ที่เหลือขอกินก่อน ตาเตี่ยมเตรียม กล้องทบ (ปืนไม้ไผ่ยิงกระดาษอัด) มาให้เด็ก ๆ เล่น สนุกกันใหญ่ พอกินข้าวเสร็จ คุณพ่อของีบรอพี่ออยมารับไปส่งที่หมู่บ้าน คุณแม่นั่งดูผีเสื้ออยู่ที่บันไดบ้าน มีทั้งสีขาว สีเหลือง สีส้ม และสีน้ำเงิน เห็นตาเตี่ยมเอาข้าวให้หมาและไก่กินที่ลานหน้าบ้าน ทั้งหมา แมว ไก่ มารอกินข้าวเป็นกลุ่มใหญ่ ให้คุณแม่นั่งดูเพลินเลย
พี่ออยเข้ามารับที่บ้านตอนสิบโมง เรายกมือไหว้บอกลาและขอบคุณตาเตี่ยม
นอกจากอาหารอร่อย อากาศบริสุทธิ์ ดาวเต็มท้องฟ้า และภาพทะเลหมอกกับพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสใจดีของตาเตี่ยมนี่แหละที่จะทำให้การเรียนรู้โลกกว้างครั้งนี้อยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป
Imagery: Huai Ton Hai familygallery and Huai Ton Hai resortgallery
Leave a Reply