ย้อนกลับไปอ่านบันทึกของตัวเอง จะเห็นรูปแบบซ้ำ ๆ ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม คืองานแปลล้นมือ ลูกปิดเทอม และวันเกิดสามี เป็นแบบนี้มาทุกปี ปีนี้ก็ไม่เว้น
หลังจากพลาดทริปพาลูกติดสอยห้อยตามสามีไปเวียนนาเมื่อต้นเดือน เพราะลูกคนโตยังไม่ปิดเทอม ปฏิทินโรงเรียนเปลี่ยนไปมาอย่างน้อยสามครั้งในช่วงสี่เดือน แพลนอะไรไม่ได้เลย เรา (พ่อแม่) จึงตัดสินใจไม่ไปไหน อยู่บ้านกับลูก คุณพ่อลางานสองสัปดาห์หลังกลับจากเวียนนา คุณแม่รับงานอีดิตสองงานแบบเกลี่ยเวลาไม่ให้เหนื่อยมากยาวไปจบต้นเดือนธันวาคม ระหว่างนี้มีงานแปลแทรกมาเรื่อย ๆ จากลูกค้าประจำ และปฏิเสธงานน่าเบื่อไปบ้าง พอมีเวลาให้สมาชิกในครอบครัวและเวลาพักผ่อนของตัวเองแบบสมวัย
แต่อะไร ๆ มักไม่ค่อยเป็นไปตามแผน
เมื่อลูกชายคนโตเลียบ ๆ เคียง ๆ ว่าอยากไปพักผ่อนที่เย็น ๆ หลังจากเหนื่อยกับการเรียน การบ้าน การสอบ การเดินทางไปโรงเรียนใหม่ที่เพิ่งเปิดออนไซต์เต็มรูปแบบปีนี้เป็นปีแรก และหลังจากนี้ไปต้องเริ่มเตรียมตัวจริงจังเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะคุณแม่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าเราจะไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนอีกแล้วจนกว่าลูกจะเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อคุณพ่อรู้ว่ามูลค่าเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับยุโรปสำหรับสี่คนที่ซื้อไว้ก่อนโควิด ลดลงเหลือไปได้แค่ญี่ปุ่น แถมไปได้ไม่ถึงฮอกไกโดด้วยซ้ำ (เดิมทีเราขอคืนเป็นเงิน แต่ไม่ได้เพราะช่วงนั้นสายการบินมีปัญหาอยู่ แล้วจู่ ๆ สายการบินก็เปลี่ยนตั๋วเป็น Cash Voucher โดยไม่ถามเราสักคำ แจ้งมาแต่ว่าจะหมดอายุปีหน้า)
เมื่อจับคู่มูลค่าเงินที่มีกับตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียวได้ คุณพ่อก็ไลน์มาบอกคุณแม่ 30 นาที หลังจากที่คุณแม่คอนเฟิร์มงานลูกค้าไป 3 งาน รวมสี่แสนกว่าคำ (ส่งงานเป็นแบตช์ทุกสองวัน) และเพิ่งส่งใบเสนอราคางานอีกสองแสนกว่าคำไปให้ลูกค้าประจำอีกเจ้า
คุณแม่เสนอให้พ่อลูกลอง ทริปลูกผู้ชาย เที่ยวญี่ปุ่นกันเองสามคนพ่อลูก สนุกแน่นอน ลองดูสักครั้งนะ คุณพ่อปฏิเสธเสียงหลง ห๊ะ ไม่เอาไม่ไป คุณแม่บอกเดี๋ยวถามลูกก่อน ว่าแล้วก็ถามลูกชายคนเล็ก เสียงหลงกลับมาเหมือนคุณพ่อ ห๊ะ แล้วคุณแม่ล่ะ แล้วพี่รักว่ายังไง (ยังรอดูพี่อยู่ พี่ว่าไงน้องว่างั้นเสมอ) พอคุณแม่ถามลูกชายคนโต ลูกตอบเสียงราบเรียบปกติ ถ้าคุณแม่ไม่ไปเราก็ไม่ไปครับ จบ
แต่จบไม่จริง
ลูกชายคนโตบอกให้คุณแม่ลองคุยกับลูกค้าดู เค้าจะต้องเข้าใจว่าครอบครัวสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด คุณแม่กังวลขั้นสุด คุยกับลูกค้าแล้ว ลูกค้าเข้าใจจริง ๆ อย่างที่ลูกบอก แต่ให้เลื่อนส่งได้เฉพาะช่วงกลาง ๆ โปรเจกต์ วันส่งงานแบตช์สุดท้ายยังคงเดิม คุณส้มไปจัดการมาให้ได้ตามนี้ก็ไม่มีปัญหา คุณแม่ยังคงกังวลอยู่ ทำงานดึกกว่าวัยทุกคืนก่อนวันเดินทาง ลูกเข้ามานวดบ่าให้และบอกรักคุณแม่ทุกวันก่อนนอน (รักแม่มากแหละ หึหึ)
ครั้งนี้คนอยากไปมากที่สุดเป็นคนแพลนทริปทั้งหมด ทั้งเลือกที่พัก สถานที่เที่ยว การเดินทางในญี่ปุ่น โชคดีมีคุณพ่อเป็นลูกมือ เห็นนั่งสุมหัวกันทั้งวันทั้งคืน ในขณะที่ลูกชายคนเล็กซ้อมกีตาร์อยู่ในห้องดนตรีทั้งวัน คุณแม่แปลงานอยู่ในห้องทำงานตลอด ลูกชายคนโตขึ้นมาถามความเห็นเป็นระยะ ๆ คุณแม่ตอบกลับไปว่าไม่มีความเห็น ไม่มีเวลาคิดอย่างอื่น ขอเคลียร์งานตรงหน้าก่อน
สองคนพ่อลูกสรุปจบภายในสามวันว่าเราจะนอนเกียวโต 2 คืน โตเกียว 4 คืน จองโรงแรมถูกที่สุดในเครือ Accor เดินทางโดยรถไฟตลอดทริป กระเป๋าใครกระเป๋ามันลากกันเอง จัดกันเอง รับผิดชอบกันเอง
ห้าโมงเย็นของวันเดินทาง (เครื่องออกห้าทุ่มครึ่ง) คุณแม่ยังส่งงานแปล ลูกชายคนเล็กยังซ้อมกีตาร์ (คุณพ่อช่วยลูกจัดกระเป๋า ลูกชายคนโตช่วยน้องจัดเตรียมเครื่องใช้อื่น ๆ) หกโมงเย็น ลูกชายคนเล็กเพิ่งถามว่าต้องเอาอะไรไปบ้างนอกจากเสื้อผ้า ลูกชายคนโตขอให้คุณแม่ช่วยทวนของจำเป็น ลูกชายคนเล็กขอบ้าง ให้คุณแม่ช่วยทวนอยู่สามสี่รอบ พอทุ่มครึ่ง ลูกชายคนเล็กเพิ่งนึกได้ว่าต้องเตรียมยาและวิตามินไปด้วย (ทวนให้แล้วสี่รอบก่อนหน้านี้)
รถที่นัดไว้ให้ไปส่งสนามบินมาถึงก่อนเวลา นัดไว้สองทุ่มมาถึงทุ่มครึ่ง ลูกบ่นอีกว่ารถมาเร็วเกิน มากดดันเราทำไม ให้เค้ารอไปก่อนได้ไหม สรุปลูกต้องใช้เวลาทวนไปทวนมา ก่อนออกจากบ้านถามอีกรอบว่าเอากีตาร์ไปด้วยได้มั้ย ไม่อยากขาดซ้อม (ถามมาก่อนหน้านี้แล้ว ถามทุกวัน คุณแม่ตอบว่าไม่ต้องเอาไป ตอบแบบนี้ทุกครั้งที่ถาม แต่ก่อนออกจากบ้านลูกขอถามอีกรอบ)
แต่คำถามของลูกชายคนโตทำให้คุณแม่อึ้งมากกว่า หนึ่งวันก่อนเดินทางลูกถาม (ขอ) ว่าครั้งนี้ไม่เขียนบันทึกการเดินทางแล้วได้มั้ยครับ กลับมาต้องเรียนพิเศษหนักเลย ไม่มีเวลาจริง ๆ (ถามหลังจากแพลนทริปทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะยกเลิกทริปก็ไม่ได้) คุณแม่ไปไม่เป็นเลยเพราะใช้สมองไปกับงานแปลหมดแล้ว แถมลูกก็พูดจริงด้วย ลูกบอกลูกไม่ใช่คนชอบเขียนแบบคุณแม่ คนเราชอบไม่เหมือนกัน กลับมาถึงบ้านแล้ว วันรุ่งขึ้นต้องไปค่ายกับโรงเรียนอีก
คุณแม่บอกโอเคตามนั้น ส่งคลิปสั้น ๆ ให้คุณแม่แทนก็แล้วกันนะ หุหุ
Leave a Reply